ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ภาคเอกชนไม่กังวลใจสถานการณ์


หนังสือพิมพ์ The Nation วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2560 รายงานว่าผู้นำภาคธุรกิจรู้สึกไม่กังวลใจกับผลกระทบจากคำพิพากษาคดีจำนำข้าวทุกเมล็ดเท่าฝ่ายการเมืองครับ!!!

ประธานหอการค้าไทยกล่าวว่ารัฐบาลไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติไว้เรียบร้อยแล้วประกอบกับมีการจัดตั้งคณะกรรมการหลายคณะขึ้นรับผิดชอบการปฏิรูปหลายๆด้าน

ประธานหอการค้าระหว่างประเทศก็บอกว่าประชาชนอาจกังวลใจต่อผลกระทบจากคำพิพากษาคดีจำนำข้าว แต่เหตุการณ์ทางการเมืองแบบนั้นคงจะไม่มีผลกระทบมากนักต่อด้านเศรษฐกิจ

การพิพากษาคดีจำนำข้าวทุกเมล็ดนี้ ผมเองก็มีความเชื่อว่าทุกอย่างจะก้าวผ่านไปด้วยความถูกต้องครับ

สาธุขอ ยกมือพนมขึ้นเหนือเศียรเกล้า ด้วยอำนาจแห่งสัจจธรรมของพระพุทธเจ้าขอความคาดหวังจงเป็นจริง!!!

วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เรื่องการวิจัยของชาวไทยที่เข้าใจยาก!!!

"Chinese Academy of Science (CAS) ต้องใช้เวลาถึง 30 ปี จึงสามารถผลิตผลงานขึ้นมาได้ โดย 10 ปีแรกทำงานแค่เปลี่ยนระบบแนวคิด ทัศนคติ Mindset ต่อมาจึงพัฒนาคน และระบบวิจัย ระยะหลังนี้จึงมีผลงาน"

พวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ กล่าวถึงการปฏิวัติการวิจัยในจีนไว้ในโพสต์ทูเดย์ วันพุธที่ 16 สิงหาคม 2560  เธอบอกว่า ...สำหรับประเทศไทยเราแม้จะมีสภาวิจัยมาตั้ง 50 ปีแล้ว แต่งานวิจัยของไทย มีข้อด้อย 4 ข้อ คือ
1)การวิจัยไม่ตรงกับความต้องการ จึงขายไม่ออก
2)การวิจัยไม่มีเงินทุนสำหรับการวิจัยต่อเนื่อง
3)ผลงานการวิจัยราคาแพง นักวิจัยประเมินความสามารถของตนเองสูงมาก
        4)ผลการวิจัยเป็นผลการวิจัยในห้องแล็ป ยังก้าวขึ้นเป็น prototype และ scale up ไม่ได้                                     

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ประเทศไทยเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร?
เธอตอบว่าไทยต้องทำสองเรื่อง คือ
1)ต้องยกเครื่องระบบวิจัยไทยทั้งหมดโดยดึงออกจากระบบราชการ เธอบอกว่า เลิกคร่ำครึได้แล้วว่างานนโยบายต้องเป็นระบบราชการ
2)หน่วยงานฟันเฟืองหรือแขนขาที่จะต้องทำงานต้องเป็นหน่วยงานที่ตั้งโดยพระราชบัญญัติพิเศษที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงเป็นแรงจูงใจให้คนเก่งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาทำงาน

ผมเองอ่านบทความของเธอแล้ว ก็นึกย้อนอดีตกลับไปที่การสอนการวิจัยทางสังคมศาสตร์ของผม โดยเฉพาะการวิจัยทางรัฐประศาสนศาสตร์ที่ผมเคยสอนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์อยู่หลายปี
ผมคำนึงอยู่ในใจว่าวงการวิจัยของเรายังต้องออกแรงปรับปรุงการปฏิบัติงานวิจัยกันอีกมากมายอยู่นะครับ ไม่ว่าจะเป็นด้านผู้สอนการวิจัย ด้านผู้เรียน หรือด้านผู้บริหารระดับสูงในสถาบันการศึกษา  รวมทั้งบรรดาลูกค้าที่ในทุกวงการที่จะนำเอาผลการวิจัยของเราไปประยุกต์ใช้ และรับเอาบัณฑิตลูกศิษย์ของเราไปใช้สอยในระบบการผลิตและระบบสังคมทั่วๆไป งานปรับปรุงระบบการวิจัยไทยเป็นงานที่ยากลำบากมาก หนักหนาระดับการปฏิวัติกันเลยทีเดียวครับ ดังนั้น ต้องอิงอาศัยอิทธิฤทธิ์ความสามารถของพระบรมศาสดากันเลยครับ


ดังนั้นผมขอฝากกำลังใจมากระตุ้นความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการปรับปรุงระบบการวิจัยไทยนะครับ
อย่าละทิ้งความอยาก อย่าละทิ้งความฝัน
อยู่อย่างคนหิว อยู่อย่างคนโง่
Stay Hungry, Stay Foolish
สัมมา วายาโม!!!

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560

น้ำตานองอาบสองแก้ม!!!

อัดอั้นคดีจำนำข้าว
น้ำตานองวันเกิด
บิ๊กตู่บุก
อ้อนคนขอนแก่นขอให้รักชาติ-ไม่ต้องรักตน
มาร์คจี้ ทบทวนรถไฟ ไทย-จีน
กกต.ยันคุมไพรมารีโหวตไร้ปัญหา แต่ กรธ.ให้เป็นเรื่องภายใน พรรคการเมืองไปว่ากันเอง
มาร์คไม่ขวางแต่ชี้ให้เห็นปัญหา
ท้าเอากันให้สุดทาง ต้องแบบอังกฤษ

กกต.แจงคุม ไพรมารี่ ไม่มีปัญหา
กรธ.ยันควรเป็นเรื่องภายในพรรค
หวังจะปฏิรูปพรรคต้องอดทน
"มาร์ค"ย้ำ ไม่ขวางแต่ปัญหาเยอะ
ท้าเอาให้สุดทางต้องเอาแบบอังกฤษ
แจงสี่เบี้ยงบศกรธ.สูงปรี๊ดเหมาะสม
จำเป็นต้องขอเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้
พท.จี้ทบทวน ไปใช้อย่างอื่นดีกว่า
พลังชล มึนไพรมารีเท่าเทียมจริงหรือ
เฉ่ง กกต.ไร้วุฒิภาวะควรเซตซีโร่
เตือน "อัศวิน" ต้องแฟร์กับทุกฝ่าย
"บิ๊กเจี๊บ" ยันอีกเสียงเลือกตั้ง 61
ประชาสังคมหนุน โละทิ้ง กสม.
"บิ๊กตู่" ลุยขอนแก่น จนท.คุมเข้ม
จ้อแหลกไทยแลนด์ 4.0 ฝ่ากับดัก
ใครยาหอมปลดหนี้เอาไปฆ่าทิ้ง
"เสธ พีท" จัดให้ คุ้ยรัง "ดาวดิน" วืด
"ปู"ทำบุญวันเกิดก้าวสู่เลข 5
ครวญขอให้ทำบุญร่วมกันอีก
น้ำตาไหลซึมขณะให้สัมภาษณ์
ยันพิสูจน์บริสุทธิ์ไม่หนีไปนอก
"สมชาย"ขอศาลแถลงปิดคดีเอง
"วัฒนา"เห็นใจอดีตนายกหญิง อึด
"วิษณุ" ไม่เร่งรัดยึดทรัพย์ "ปู"
ขอ"บิ๊กตู่"ทบทวนรถไฟไทย-จีน
แนะ กันพระเป็นพยานเงินทอน
ตัวแทนสื่อฯ จับเข่าคุย "วิษณุ"
ซัด ม.44 ปลดล็อก ส.ป.ก. อุ้ม ขรก.





วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การประเมินประสิทธิภาพจังหวัดรอบแรก


49 จังหวัดสอบตก ผลประเมินประสิทธิภาพจังหวัดรอบแรก ตามคำสั่ง หน.คสช. -“ขอนแก่น โคราช ชลบุรี ภูเก็ต” เกณฑ์ต้องปรับปรุง
        เปิดผลการประเมินประสิทธิภาพจังหวัดรอบแรก ตามคำสั่ง ม.44 ของ หัวหน้า คสช. “มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ” พบ 49 จังหวัดสอบตก “ขอนแก่น โคราช ชลบุรี พิษณุโลก ภูเก็ต” อยู่ในเกณฑ์ “ต้องปรับปรุง” คะแนนต่ำกว่า 40 “ชัยนาท” จังหวัดเดียวผ่าน “ระดับคุณภาพ 100 เต็ม” ส่วนอีก 26 จังหวัด ผ่านเกณฑ์ “มาตรฐาน” เตรียมประเมินอีกรอบถึง 30 กันยายน นี้
       
       วันนี้ (11 มิ.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า หลังจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ออกคำสั่ง ที่ 5/2559 เรื่อง มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดิน มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 และต่อมาคณะรัฐมนตรี 5 เม.ย. 59 เห็นชอบแบบประเมินส่วนราชการตามคำสั่ง หัวหน้า คสช. มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการดำเนินงานของส่วนราชการในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของรัฐบาล การแก้ไขปัญหา และการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และเพื่อเพิ่มศักยภาพของส่วนราชการในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศ
       
       ล่าสุด มีรายงานว่า สำนักงาน ก.พ.ร. โดยคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) ที่มี นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทำหน้าที่พิจารณาผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2560 ได้จัดส่งผลการประเมินผลส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ เฉพาะในส่วนของจังหวัด 76 จังหวัด ให้กับจังหวัดต่างๆ แล้ว ซึ่งเป็นผลการประเมิน รอบที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560
       
       ทั้งนี้ พบว่า มีเพียงจังหวัดชัยนาท เพียงจังหวัดเดียวที่ได้เกณฑ์ “คุณภาพ” วงกลมสีเขียว คะแนนเต็ม 100 คะแนน ขณะที่อีก 26 จังหวัดผ่านการประเมินในเกณฑ์ “มาตรฐาน” วงกลมสีเหลือง เช่น เชียงใหม่ (95) น่าน (95) บึงกาฬ (95) ส่วนอีก 49 จังหวัด อยู่ในเกณฑ์ “ต้องปรับปรุง” วงกลมสีแดงโดยมีจังหวัดขนาดใหญ่ เช่น จ.ขอนแก่น (65) จ.นครราชสีมา (40) ชลบุรี (40) พิษณุโลก (40) และ จ.ภูเก็ต (25) อยู่ในข่ายด้วย ขณะที่ จังหวัดชุมพร เพียงจังหวัดเดียวที่มีคะแนน ต่ำสุด เพียง 15 คะแนน
       
       สำหรับรอบการประเมินส่วนราชการและจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 กำหนดรอบการประเมินตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ปีละ 2 ครั้ง ดังนี้ รอบที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี รอบที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 กันยายน ของทุกปี
       
       โดยการประเมินครั้งที่ 1 เพื่อติดตามความก้าวหน้าการปฏิบัติราชการ และทำความเข้าใจให้ตรงกันถึงนิยาม และวิธีการประเมินผลตัวชี้วัด รวมทั้งสังเกตการณ์สถานที่ดำเนินการและสถานที่ให้บริการที่สอดคล้องกับการปฏิบัติราชการ ตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ส่วนครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ และตรวจสอบเอกสารหลักฐานอ้างอิงที่ใช้ประกอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
       
       มีรายงานว่า มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ (มาตรา 44) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ของจังหวัด เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการดำเนินงานตามหลักภารกิจพื้นที่/ท้องถิ่น ภูมิภาค จังหวัด กลุ่มจังหวัด หรือการบูรณาการการดำเนินงานหลายพื้นที่หรือหลายหน่วยงาน (Area Based) คะแนนเต็ม 100 คะแนน ตัวชี้วัดในการดำเนินงานตามภารกิจในพื้นที่/ท้องถิ่น ภูมิภาค จังหวัด กลุ่มจังหวัด การบูรณาการระบบการปฏิบัติงานร่วมกันหลายหน่วยงานที่มีภารกิจร่วมกันในพื้นที่ การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวง/หน่วยงาน/จังหวัด และการดำเนินการตามนโยบายประชารัฐ
       
       กำหนดตัวชี้วัดเป็นร้อยละ ในการดำเนินการตามแผนการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนนี้ ผู้ดำเนินการปฏิบัติดังนี้ คือ 1)กำหนดตัวชี้วัดเป็นร้อยละ 2)การชี้แจงประเด็นสำคัญที่ทันต่อสถานการณ์ และ 3)กำหนดตัวชี้วัดร้อยละของประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่รับรู้และเข้าใจในการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล 
4)การชี้แจงประเด็นข่าวที่มีคุณภาพและรายงานเข้าสู่ระบบ PMOC ได้ทันตามระยะเวลาการตอบสนองที่กำหนดไว้ (ร้อยละ 100)
       
       มีรายงานด้วยว่า สำนักงาน ก.พ.ร. ยังได้พัฒนาและปรับปรุงระบบ ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ และพัฒนาไปสู่การเชื่อมโยงกับระบบ PMOC ที่สำนักโฆษกฯ และกรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกันกำหนดประเด็นข่าวที่ประสงค์ให้ส่วนราชการชี้แจง และกำหนดส่วนราชการที่ต้องชี้แจง รวมทั้งกำหนดระยะเวลาในการตอบสนองของแต่ละประเด็นข่าวเข้าสู่ระบบฯ ของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การรายงานผลรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น . 

จากที่ฟังการแถลงข่าวนี้ ผมมีความรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ต้องการชี้แจงให้เราทราบว่ารอบแรกของการประเมินผลนี้เป็นการทำ Bench Marking เพื่อบอกว่าตอนนี้แต่ละจังหวัดกำลังยืนอยู่ตรงจุดไหนเสียก่อน จุดตั้งต้นของแต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกัน จะเอาทุกจังหวัดมาแข่งขันกันเลยยังไม่ได้ จะต้องมาดูว่าจริงๆแล้ว ตอนนี้ ตังหวัดไหนอยูที่ใด เมื่อจะเข้าแข่งขันขันจะต้องได้แต้มต่อ Handicap เท่าใด
ถ้ามองกันอย่างเข้าใจ มีความเข้าใจแบบเดียวกันแล้ว เราทุกจังหวัดก็สามารถเริ่มต้นจากจุดสตาร์ทของตนได้เลย ไม่ต้องน้อยใจหรือเสียกำลังใจครับ!!!

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ข้อแนะนำและตัวอย่างในการเขียนปัญหาการวิจัย(Tips and Examples for Writing Thesis Statements)

ข้อแนะนำในการเขียนปัญหาการวิจัย

 Tip ข้อที่ 1
ให้ตัดสินตกลงใจว่าจะเขียนปัญหาการวิจัยประเภทใด ประเภทหนึ่งดังต่อไปนี้

 1.1 เป็นเอกสารการวิจัยเชิงวิเคราะห์ที่จำแนกประเด็นปัญหาหรือแนวคิดออกเป็นองค์ประกอบหลายส่วนและทำการประเมินประเด็นหรือแนวคิดนั้นๆ เสร็จแล้วนำเสนอประเด็นหรือแนวคิดดังกล่าวต่อผู้อ่าน

1.2 เป็นเอกสารตีแผ่  (Expository) หรืออธิบาย (Explainary) สิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อผู้อ่าน

1.3 เป็นเอกสารเชิงอภิปรายถกแถลง (Argumentative) แสดงการยืนยันในความคิดเห็น (make a claim) เกี่ยวกับหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและยืนยันการสนับสนุนความคิดเห็นนั้น ด้วยหลักฐานที่ชัดเจนและตรงประเด็น การยืนยันความคิดเห็นนั้น อาจจะเป็นความคิดเห็นเรื่องหนึ่ง,เป็นการเสนอนโยบายเรื่องหนึ่ง,การประเมินผลเรื่องหนึ่ง,เป็นการกล่าวแสดงเหตุและผล,หรือจะเป็นการตีความก็ได้
เป้าหมายของการถกแถลงนี้ คือการจูงใจผู้ฟังให้มีความเห็นคล้อยตามข้อเรียกร้องหรือคำแถลงยืนยันนั้น ว่าเป็นจริงบนพื้นฐานของร่องรอยหลักฐานที่นำเสนอ

ในกรณีที่การเขียนปัญหาการวิจัยไม่อยู่ในสามประเภทนี้ ( ตัวอย่างเช่นการพรรณนา - A narrative)  นักศึกษาก็สามารถนำตัวอย่างในข้อที่ 1 ข้างต้นมาปรับใช้ได้

Tip ข้อที่ 2.
ปัญหาการวิจัย จะต้องเป็นข้อความที่ชัดเจน คือจะต้องครอบคลุมเฉพาะสิ่งที่ต้องการอภิปรายในเอกสารการวิจัย ทั้งยังจะต้องมีร่องรอยหลักฐานที่ชัดเจนสนับสนุนอีกด้วย

Tip ข้อที่ 3
ข้อความระบุปัญหาการวิจัย มักปรากฏใน paragraph แรกของเอกสารการวิจัย

Tip ข้อที่ 4
หัวข้อการวิจัยอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในระหว่างที่กำลังดำเนินการวิจัย ดังนั้น นักศึกษาอาจจำเป็นต้องมีการแก้ไขปรับปรุงข้อความระบุปัญหาการวิจัยให้เหมาะสมและสามารถสะท้อนภาพให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่านักศึกษากำลังทำการอภิปรายเรื่องใดในเอกสารการวิจัย



ตัวอย่างการเขียนปัญหาการวิจัย

1.ปัญหาการวิจัยเชิงวิเคราะห์
จากการวิเคราะห์กระบวนการรับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งพบว่ามีปัญหาที่ท้าทายผู้ปฏิบัติงานด้านการแนะแนว : การรับนักศึกษาที่มีผลคะแนนการทดสอบสูงหรือนักศึกษาที่มีประวัติการทำกิจกรรมนอกหลักสูตรมาก

จากปัญหานี้ เอกสารการวิจัยควรดำเนินการต่อไปว่า
-อธิบายการวิเคราะห์กระบวนการรับนักศึกษา
-อธิบายปัญหาที่ท้าทายผู้แนะแนวการรับนักศึกษา
2.ปัญหาการวิจัยเชิงอธิบาย (Expository or Explanatory) ได้ดังนี้



ชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยส่วนมากถูกจำแนกลักษณะที่สำคัญด้วยเวลาที่ใช้ในการศึกษา, การเข้าชั้นเรียน, และการมีความสัมพันธ์ทางสังคมกับกลุ่มเพื่อน
จากปัญหาการวิจัยข้างต้น เอกสารการวิจัยส่วนต่อไปควรเป็นดังนี้
-อธิบาย (Explain) ว่านักศึกษาใช้เวลาในการศึกษา,การเข้าชั้นเรียน,และการสัมพันธ์ทางสังคมกับกลุ่มเพื่อนอย่างไร

3.ตัวอย่างปัญหาการวิจัยเชิงอภิปราย
ถกแถลง
"ผู้สำเร็จมัธยมศึกษาตอนปลายควรถูกกำหนดให้ฝึกงานเป็นเวลา 1 ปี เพื่อเรียนรู้โครงการบริการสังคม ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งนี้เพื่อเพิ่มพูนวุฒิภาวะและความตระหนักรู้ความเป็นไปของโลกในระดับสากล"
จากปัญหาการวิจัยข้างต้น เอกสารตอนต่อไปจึงควรเป็นการ

...นำเสนอการอภิปรายถกแถลงและนำเสนอร่องรอยหลักฐานสนับสนุนการยืนยันข้อคิดเห็นที่ว่า ผู้สำเร็จมัธยมศึกษาตอนปลายควรถูกกำหนดให้เข้าร่วมโครงการบริการชุมชนก่อนเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย...

ในโพสต์นี้ผมแนะนำวิธีเขียนปัญหาการวิจัย (Thesis Statement or Research Problem Statement )รวม 3 แบบ พร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบโดยบอกผู้อ่านเพิ่มเติมว่า เมื่อเขียนปัญหาการวิจัยเสร็จแล้ว สามารถทำให้ทราบว่าเราจะต้องทำกิจกรรมอะไรอีกต่อไป

ท่านผู้อ่านและนักศึกษาที่สนใจรายละเอียดเรื่องนี้ เป็นภาษาอังกฤษโปรดติดตามลิงค์ต่อไปนี้ครับ